วันฉัตรมงคล ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ฉัตรมงคล (อ่านว่า ฉัด-ตระ-มง-คน หรือ ฉัด-มง-คน) [Coronation Day]
มีความหมายตามพจนานุกรมว่า พระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร
ซึ่งจะกระทำในวันคล้ายวันบรมราชาภิเษก
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙
พระราชพิธีฉัตรมงคลจัดขึ้นทุกวันที่ ๕ พฤษภาคม
เพราะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
และทางราชการถือเป็นวันหยุดตามประเพณีวันหนึ่งของประเทศไทย
ต่อมาในวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ หลังจากรัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต
ทางรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษายกเลิกวันนี้ลง และกำหนดให้วันที่ ๒๘ กรกฎาคม
อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
และวันที่ ๑๓ ตุลาคม ของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสวรรคต
ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เป็นวันหยุดเพิ่มเติมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
ความสำคัญของวันฉัตรมงคล
เป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย
ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
หลังจากเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ
ต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
และดำรงพระอิสริยยศเป็น “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ดังนั้น รัฐบาลไทยและพสกนิกร จึงน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม
จัดงานพระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตรหรือรัฐพิธีฉัตรมงคล
หรืออาจเรียกว่าพระราชพิธีฉัตรมงคล ซึ่งกระทำในวันบรมราชาภิเษก
ถวายเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้มีพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พสกนิกรชาวไทย จึงได้ถือเอาวันที่ ๔ พฤษภาคม ของทุกปี
เป็นวันฉัตรมงคล เพื่อน้อมรำลึกถึงวันสำคัญนี้
ความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
มีหลักฐานปรากฏในหลักศิลาจารึก วัดศรีชุมของพญาลิไทว่า
เริ่มต้นมาตั้งแต่ครั้งพ่อขุนผาเมืองได้อภิเษกพ่อขุนบางกลางหาว
หรือพ่อขุนบางกลางท่าว ให้เป็นผู้ปกครองเมืองสุโขทัย
จากนั้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้ถูกต้องสมบูรณ์
โดยพระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
จะไม่ใช้คำว่า “พระบาท” นำหน้า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
และคำสั่งของพระองค์ก็ไม่เรียกว่า “พระบรมราชโองการ”
และอีกประการหนึ่งคือ จะยังไม่มีการใช้ นพปฎลเศวตฉัตร หรือฉัตร ๙ ชั้น
ความเป็นมาของพระราชพิธีฉัตรมงคล
ก่อนหน้ารัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชพิธีฉัตรมงคลถือเป็นพิธีของเจ้าพนักงานในพระราชฐาน
ที่มีหน้าที่รักษาเครื่องราชูปโภคและพระทวารประตูวัง
ได้จัดการสมโภชสังเวยเครื่องราชูปโภคที่ตนรักษาทุกปีในเดือนหก
และเป็นงานส่วนตัว ไม่ถือเป็นงานหลวง
จนกระทั่ง สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์
ได้ทรงกระทำพิธีฉัตรมงคลขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันบรมราชาภิเษก
เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๓
โดยมีพระราชดำริว่า วันบรมราชาภิเษกเป็นมหามงคล
สมัยที่ควรแก่การเฉลิมฉลองในประเทศที่มีพระเจ้าแผ่นดิน
จึงถือให้วันนั้น เป็นวันนักขัตฤกษ์มงคลกาล
และควรที่จะมีการสมโภชพระมหาเศวตฉัตรให้เป็นสวัสดิมงคลแก่ราชสมบัติ
แต่เนื่องจากเป็นธรรมเนียมใหม่ ยากต่อการเข้าใจ
อีกทั้งเผอิญที่วันบรมราชาภิเษกไปตรงกับวันสมโภชเครื่องราชูปโภคที่มีแต่เดิม
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงอธิบายว่า
วันฉัตรมงคลเป็นวันสมโภชเครื่องราชูปโภค จึงไม่มีใครติดใจสงสัย
ดังนั้น จึงได้มีพระราชดำริจัดงานพระราชกุศลพระราชทานชื่อว่า "ฉัตรมงคล" นี้ขึ้น
โดยได้มีการเฉลิมฉลองด้วยการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดเจริญพุทธมนต์
ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ รุ่งขึ้นมีการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
ด้วยเหตุนี้ จึงถือว่าการเฉลิมฉลองพระราชพิธีฉัตรมงคล
เริ่มมีในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ วันบรมราชาภิเษก ตรงกับเดือน ๑๒
จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานฉัตรมงคลในเดือน ๑๒ แต่ไม่ได้รับการยินยอม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงทรงแก้ไขด้วยการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยตราจุลจอมเกล้าสำหรับตระกูลขึ้น
ให้มีพระราชทานตรานี้ตรงกับวันคล้ายบรมราชาภิเษก
ท่านผู้หลักผู้ใหญ่จึงยินยอมให้เลื่อนงานฉัตรมงคลมาตรงกับวันบรมราชาภิเษก
แต่ยังให้รักษาประเพณีสมโภชเครื่องราชูปโภคอยู่ตามเดิม
รูปแบบงานวันฉัตรมงคลจึงเป็นเช่นนี้จนถึงปัจจุบัน
พระราชพิธีฉัตรมงคลในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงาน ๓ วัน คือ
วันฉัตรมงคล ตรงกับวันที่ ๔ พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ประกอบด้วย สรงพระมุรธาภิเษก ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน
ทรงรับน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์
ทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสง ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ
เลี้ยงพระ พระสงฆ์ดับเทียนชัย ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
วันที่ ๕ พฤษภาคม
เป็นพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย
สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์
และเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค
จากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท
วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
วันที่ ๖ พฤษภาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท
ให้ประชาชนเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
เสด็จออกให้ทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระราชพิธีฉัตรมงคล
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโคโรนา ๒๐๑๙
เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ ที่กระทรวงมหาดไทย
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า
ด้วยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า
เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
รัฐบาลเห็นสมควรดำเนินการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล
เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
โดยที่ในขณะนี้ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ระลอกใหม่ขึ้น
จึงเห็นควรจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ให้สอดคล้องกับมาตรการต่าง ๆ
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-๑๙ ไม่ให้กระจายไปในวงกว้าง
ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ
จึงได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
ประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พร้อมเครื่องราชสักการะ บริเวณอาคารสำนักงาน
ประดับธงชาติไทยคู่กับธงพระปรมาภิไธย ว.ป.ร.
พร้อมประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว
บริเวณรั้วอาคารสำนักงานตลอดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
รวมทั้งประดับไฟบริเวณอาคารสำนักงานให้สวยงามในระยะเวลาที่เห็นสมควร
รวมถึงจัดทำคำถวายพระพรชัยมงคล
เนื่องในวันฉัตรมงคล ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์
และสมุดลงนามถวายพระพรชัยมงคลอิเล็กทรอนิกส์ลงบนหน้าหลักเว็บไซต์จังหวัด
พร้อมทั้งเชิญชวนผู้บริหารและบุคลากรในสังกัด
ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลผ่านระบบออนไลน์ ตลอดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
และแจ้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ อำเภอ
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดดำเนินการจัดทำด้วย
นอกจากนี้ ให้เชิญชวนบริษัท ห้างร้าน และประชาชนในจังหวัด
ร่วมประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย
ประดับธงชาติไทยคู่กับธงพระปรมาภิไธย ว.ป.ร.
และประดับไฟบริเวณอาคารสำนักงานและที่พักอาศัย
ตลอดเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ ด้วยความสมัครใจ
******************************************************************************************************************************************
ขอบคุณข้อมูล : https://th.wikipedia.org/ และ https://www.matichon.co.th/ ขอบคุณรูปภาพ : https://www.google.com/
รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูล : กานต์นภัส แสนยศ บรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนอำเภอดอยสะเก็ด
เข้าชม : 1162
|