26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติดโลก
วันต่อต้านยาเสพติดโลก
วันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนของทุกปี
วันต่อต้านยาเสพติดโลก ประวัติความเป็นของวันต่อต้านยาเสพติดโลก
ผลจากปัญหายาเสพติด ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก เพื่อเน้นถึงความสำคัญของการต่อสู้กับปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติดและเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทั่วโลกใน การต่อสู้กับปัญหายาเสพติด ที่ประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and llicit Trafficking I) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่าง วันที่ 17-26 มิถุนายน 2530 ที่ประชุมได้เสนอเป็นข้อมติต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันต่อต้านยาเสพติดซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตาม ข้อเสนอดังกล่าวในการประชุมเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2530
วันต่อต้านยาเสพติดโลก
วันต่อต้านยาเสพติดโลก 26 มิถุนายนของทุกปี
เรียบเรียงจากรายการ ทันโลกทันธรรม ที่ออกอากาศทางช่อง DMC
โดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ
เจริญพร วันนี้ได้รับอาราธนาให้พูดถึงเรื่องยาเสพติด ปรารภเหตุที่สมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันต่อต้านยาเสพติดแห่งโลก"
ในเรื่องยาเสพติด อยากจะฝากพวกเราเอาไว้ 2 ประเด็น
ประเด็นแรกก็คือ เวลาพูดถึงยาเสพติด คนทั่วไปมักจะนึกถึง ยาบ้าบ้าง ฝิ่นบ้าง เฮโรอีนบ้าง หรือยาเสพติดที่ร้าย ๆ ทั้งหลาย ซึ่งเครื่องเหล่านั้นความจริงก็ได้มีกล่าวถึงมาค่อนข้างเยอะแล้ว โดยทั่วไปเราก็ได้เห็นโทษเห็นภัยกันชัดเจน เหลือแต่เพียงว่า จะทำยังไง จะป้องกันไม่ให้ระบาด ไม่ให้แพร่หลายไป จำกัดขอบเขตวงให้เหลือน้อยที่สุด เป็นประเด็นหลัก จึงอยากจะฝากพวกเราเอง มาถึงแง่ที่ว่า จริง ๆ พูดถึงยาเสพติด
มันไม่ได้มีเพียงยาเสพติดในความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจ ยังมีอีกตั้ง 2 เรื่องที่เราต้องใส่ใจ เรื่องแรกก็คือเหล้าบุหรี่ ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ แอลกอฮอร์ทั้งหลาย ความจริงมันก็คือสิ่งเสพติดนั่นเอง คนเคยสูบ คนเคยดื่ม ถึงคราวมันก็อยากจะสูบอีก อยากจะดื่มอีก มันก็ออกฤทธิ์คล้าย ๆ ยาเสพติด เพียงแต่ว่า เบากว่าหน่อย แต่เพราะว่าเบากว่าหน่อย เลยทำให้กลายเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย สามารถหาซื้อหาเสพได้ทั่วไป ผลคือคนที่สูบบุหรี่ เฉพาะในประเทศไทยมีเป็นสิบ ๆ ล้านคน คนดื่มเหล้า ดื่มเบียร์มีเป็นสิบ ๆ ล้านคน มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจนับรวมแล้วปีหนึ่ง ประมาณซัก 2 - 3 แสนล้านบาท ทั้งเหล้าบุหรี่รวมกัน ซึ่งมากยิ่งกว่า ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า รวมกันทั้งหมดเสียอีก
เพราะฉะนั้นเราจะต้องตระหนักโทษภัยของสิ่งเสพติดอย่างอ่อนๆ ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่เหล่านี้ให้ดี แล้วรีบหาทางป้องกันแก้ไข อย่าดูเบาเพียงเพราะว่าเป็นยาเสพติดอย่างอ่อนๆ เพียงเพราะว่า เป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย เพราะถ้าเกิดจะเอาเรื่องความถูกกฎหมายแล้วหละก็ ในบางประเทศอย่างสวิตเซอร์แลนด์ เค้าหาซื้อเฮโรอีนได้เลยนะ ไปเดินเข้าร้านขายยาซื้อเฮโรอีนมาฉีดได้เลย ถือว่าถูกกฎหมาย ถ้าประเทศไหนตีตราว่าถูกกฎหมาย เราจะถือว่าถูกต้องหรือ หรือในยุคหนึ่ง ตุรกีบอกปลูกฝิ่นถูกกฎหมายใครก็ปลูกได้ เราจะยอมรับอย่างนั้นหรือ ในเมืองไทยยุคหนึ่งก็เคยปลูกฝิ่นได้ตามโรงฝิ่น ทำให้คนย่ำแย่กันไป เพราะฉะนั้น เรื่องถูกกฎหมายหรือไม่เป็นแค่ส่วนประกอบ แต่ประเด็นหลักที่ต้องคำนึงถึงคือว่า ฝิ่นนั้นสร้างโทษสร้างภัยให้ทั้งคนเสพแล้วก็ทอนกำลังสังคมให้อ่อนแอลงอย่างไร เมื่อรู้ว่ามีภัยก็ต้องหาทางป้องกันแก้ไขกันให้ดี อย่าดูเบา นี่ขอฝากไว้เป็นประเด็นแรก
ประเด็นที่ 2 คือว่า สิ่งที่ทำให้คนเสพติด ต้องถือว่าแทบจะ 100% ทั้งโลกเลย แต่เป็นสิ่งที่เสพติดอย่างอ่อน ๆ จริง ๆ แล้วติดข้ามภพข้ามชาติซะด้วย สิ่งนั้นก็คือ กิเลสในใจของเรานี่เอง เบญจกามคุณ 5 รูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส ธรรมรมณ์ สิ่งนี้คนทั้งโลกได้เสพคุ้น แล้วก็ติดกันมาข้ามภพข้ามชาติ กิเลสทั้งความโลภ โลภะ โทสะ โมหะ หรือกล่าวอีกนัยยะหนึ่งคือ ราคะ โทสะ โมหะ เราก็เสพติดกันมาข้ามภพข้ามชาติ แต่มันเป็นการมัดแล้วออกฤทธิ์ให้โทษอย่างอ่อน ๆ ซึ่งถ้าเกิดไม่สังเกตหละก็ ไม่เห็นเลย พูดถึงเหล้าบุหรี่ คนส่วนใหญ่ยังพอมองเห็นโทษภัยได้ แต่กล่าวถึงเรื่องเบญจกามคุณ 5 คนในโลกที่จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ให้โทษให้ภัย ไม่รู้จะมีถึงซัก 5 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่า หรือ 1 เปอร์เซ็นต์จะถึงหรือเปล่า ยังไม่ทราบเลย
มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้ธรรมแล้วมาสอนเรา เราจะไม่ศึกษาแล้วก็เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตาม เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้สิ่งเหล่านี้หละก็ ต้องบอกว่ามันแก้ยากกว่า ลึกกว่า แต่ก็เป็นหน้าที่ของเรา เพราะมันมัดเราเอาไว้อยู่กับภพเลย ทั้งภพ 3 ตรึงอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าหากขจัดตรงนี้ได้เมื่อไร กิเลสหมดจากใจก็เข้าปรินิพพาน คราวนี้ถามว่าแล้วจะแก้ แก้อย่างไร จริง ๆ ทั้ง 3 ระดับหนักสุดคือ ยาเสพติดทั่วไปที่รู้จักกัน รองลงมาก็คือเหล้าบุหรี่ หรืออ่อนสุดเลยก็คือว่า เรื่องของกิเลสจะแก้ หลักการมีอยู่เหมือนกันคือ 1 ตัวของเราแต่ละคน จะต้องรู้จักคิด คิดเป็น อันที่ 2 คือ ต้องมีกัลยาณมิตรอยู่ใกล้คนที่เค้าให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ ให้เราเองสามารถปรับปรุงแก้ไขไปสู่สิ่งที่ถูกต้องได้ ก็อยู่ตรงนี้แหละ ตัวเรากับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดก็คือ คน ถ้าหาก 2 ประการนี้ได้ หนทางแก้ไขก็เห็นช่องทางสว่างไสว
คราวนี้พอเราดูต่อ ว่าแล้วทำอย่างไรหละ เราแต่ละคนจึงจะคิดเป็น แล้วก็จับประเด็นเป็น ขณะเดียวกันทำยังไงสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ตัวถึงจะเป็นกัลยาณมิตรให้กับเราได้ คนใกล้ตัวสุดก็คือครอบครัวของเรานั่นแหละ ปัจจุบันปัญหามีอยู่ว่า แม้พ่อแม่กับลูกเอง บางทีก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง บอกความสนใจมันคนละอย่าง ไม่รู้จะเอาหัวข้ออะไรมาคุยกับลูก เจอหน้าทักทายเป็นไงลูก กลับมาแล้วหรอ ทำการบ้านหรือยัง สบายดีนะ มีอะไรมั้ย คุยคำสองคำเสร็จ จะให้พูดต่อยาว ๆ บางทีพ่อแม่ลูกก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันดี พ่อแม่สนใจอย่าง ลูกก็สนใจอีกอย่าง ลูกพูดถึงสิ่งที่ตัวเองสนใจ พ่อแม่ก็คุยไม่รู้เรื่อง ไม่มีความรู้เรื่องนั้น ครั้นพ่อแม่พูดถึงเรื่องที่สนใจ ลูกก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เลยกลายเป็นช่องว่างในครอบครัว อยู่ด้วยกัน แต่ก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ พอเป็นอย่างนี้เด็กก็ไปหาเพื่อนของเขา ซึ่งก็วัยใกล้ ๆ กัน แล้วบางทีก็พากันไปในทางที่ไม่ค่อยถูกต้อง หนักข้อไปตามลำดับ จากเหล้า จากบุหรี่ ต่อไปก็เอายาอีบ้าง ยาบ้าบ้าง หนักไปเรื่อย ๆ แล้วก็พาไปทางที่เสีย พ่อแม่เองก็กลุ่มใจแต่ไม่รู้จะแก้ยังไง
ตรงนี้ อาตมาอยากจะขอเสนอวิธีการ ช่องทาง ซึ่งจะสามารถช่วยได้ทั้ง 2 ประเด็นเลย คือทั้งนี้ในแง่คิดของตัวเองด้วย แล้วก็สร้างเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี สร้างความอบอุ่นในครอบครัวได้ด้วย นั่นก็คือ จานดาวธรรมเรา DMC ของเรา
วันต่อต้านยาเสพติดโลก
ที่มา: https://dmc.tv/a15919
เข้าชม : 648
|