เนื้อหา : เรื่องเด่นวันนี้
หมวดหมู่ : ข่าวประชาสัมพันธ์
หัวข้อเรื่อง : พันธุ์มะม่วง หน้าตาต่างกันยังไงและเลือกทานแบบไหนดี :ห้องสมุดประชาชนอำเภอฮอด

ศุกร์ ที่ 21 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2564


 พันธุ์มะม่วง หน้าตาต่างกันยังไงและเลือกทานแบบไหนดี

พันธุ์มะม่วง ต่างกันหน้าตาก็ต่างกัน ดูยากบ้างง่ายบ้าง แต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็น ผลไม้ยอดฮิตที่หาทานได้ทุกฤดูในบ้านเรา และยังเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงไม่ว่าจะแบบสุกหรือดิบ โดยเฉพาะแบบดิบจะมีวิตามินซีสูง และแบบสุกจะมีวิตามินเอสูง แต่ครั้งนี้เราจะพาไปแยกแต่ละพันธุ์ยอดฮิตว่า หน้าตาเค้าจะต่างกันยังไง อยากทานมะม่วงรสชาติไหนต้องเลือกทานให้ถูก

น้ำดอกไม้ทอง (แบบสุก 100 g. 93 Kcal)

ผลไม้ยอดฮิตทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ขึ้นแท่นพันธุ์มะม่วงที่ส่งออกติดอันดับต้นๆ ถ้าให้นึกภาพง่ายขึ้น ก็คือมะม่วงที่ทานคู่กับข้าวเหนียวมูลนั่นเอง รสชาติถ้ากำลังดีจะต้องมีความหวานฉ่ำ เนื้อสีเหลือง หนาละเอียด เวลาทานจะรู้สึกถึงความสดชื่น จึงนิยมนำมาทำเป็นน้ำปั่นเช่นกัน โดยน้ำดอกไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งมีวิตามิน อย่างวิตามินเอ และกากใย ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แก้ท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร มีผลดีกับผิวพรรณอีกด้วย

ลักษณะผลและวิธีเลือก: ผลอูมใหญ่ ก้นเรียว เปลือกบาง หากยังดิบจะเห็นเป็นสีเขียวแล้วจะค่อยๆ เหลือง ถ้ากำลังทาน จะมีรสชาติหวาน เสี้ยนน้อย เลือกผลที่เหลืองอร่าม ไม่มีสีเขียวเห็นชัด ไม่มีผิวเหี่ยวย่น หากทานแบบสุกไม่เต็มที่รสชาติจะค่อนไปทางจืดๆ ไม่หวานเท่าไหร่ คนจึงนิยมทานแบบสุกๆ แต่หากเปลือกดูเหี่ยวแสดงว่าเริ่มสุกมากๆ แล้ว ให้รีบทานเพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะช้ำดำได้

เขียวเสวย (แบบดิบ 100 g. / 87 Kcal)

มะม่วงที่ตอบยากว่าสุกระดับไหนอร่อยสุด! เพราะแล้วแต่ว่าคนทานจะชอบสุกหรือดิบแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีประโยชน์ไม่น้อย เนื่องจากมีวิตามินซีสูง ป้องกันหวัดได้ และยังป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แต่หากทานแบบดิบ จะมีคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปแบบของแป้ง และเมื่อสุกแป้งก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล คนลดน้ำหนักหลายคนที่พยายามงดแป้ง ลดน้ำตาล ก็อาจต้องบริโภคแต่น้อยนะจ๊ะ

ลักษณะผลและวิธีเลือก: ลูกยาว ดูโค้ง ปลายงอมน ยิ่งสีเขียวเข้มยิ่งดิบ แต่หากเริ่มมีออกเหลือง แสดงว่าเริ่มสุกมากขึ้น จะทานตอนไหนขึ้นอยู่กับความชอบ หากชอบทานดิบกรอบมันๆ ให้เลือกเปลือกสีเขียวเข้ม ชอบแบบมันๆ หวานหน่อยๆ ให้ผลมีสีแซมเหลือง แต่หากเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหลืองชัดเจน จะสุกและหวาน เนื้อนิ่มขึ้น ไม่ต้องจิ้มพริกเกลือเลยจ้า

ฟ้าลั่น (แบบดิบ 100 g. 64 Kcal)

ถ้าปอกมาแล้วเห็นเป็นเนื้อปริแตกไม่ต้องตกใจ เพราะนี่ก็คือที่มาของชื่อฟ้าลั่น ซึ่งเนื้อตอนดิบจะเป็นสีเขียวอ่อน กรอบมันอมเปรี้ยวกว่าเขียวเสวย แต่เมื่อสุก รสชาติของความหวานจะเข้ามาแซมแทนรสเปรี้ยว แต่ก็ยังรู้สึกถึงเปรี้ยวปลายลิ้น ยกเว้นแต่สุกเหลืองจริงๆ ส่วนในแง่ประโยชน์นั้นหากทานเป็นผลดิบ จะแก้คลื่นไส้ วิงเวียน แก้ร้อนในกระหายน้ำ

ลักษณะผลและวิธีเลือก: หลายคนจะแยกฟ้าลั่นกับเขียวเสวยได้ยาก เพราะลักษณะจะคล้ายกัน และสามารถทานได้ทั้งดิบและสุกขึ้นอยู่กับความชอบเช่นกัน แต่ผลของฟ้าลั่นนั้นจะมีความยาวเรียว ช่วงหัวถึงกลางผลจะออกกลม แต่ปลายจะเรียวแหลม ผลสีเขียวสว่างกว่าพันธุ์เขียวเสวยที่จะออกเป็นสีเขียวเข้ม หากสุกจะมีสีเหลืองผสมให้เห็น

อกร่อง (แบบสุก 100 g. 79 Kcal)

อีกพันธุ์ที่นำมาทานกับเมนูอาหารก็ได้ เป็นของหวานก็ดี เช่น ทานกับยำ ข้าวคลุกกะปิ จิ้มกับน้ำปลาหวาน หรือทานเป็นข้าวเหนียวมะม่วงก็ได้หากผลสุก รวมถึงนำมาทำเป็นมะม่วงกวนเพราะมีความอมเปรี้ยวด้วย ทั้งนี้อกร่องเองก็ยังแบ่งสายตามชื่อเรียกได้อีกด้วย อย่างอกร่องทอง อกร่องเขียว อกร่องขาว ฯลฯ ส่วนในแง่ของประโยชน์นั้นจะช่วยลดไขมันในเลือด รวมถึงกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ผลดิบบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้

ลักษณะผลและวิธีเลือก: ผลอวบเล็ก ปลายสั้นมนเมื่อเทียบกับมะม่วงน้ำดอกไม้ เวลาทานนั้นจะเลือกจากผลที่เหลืองเข้มหน่อยจะกำลังหวาน แต่ผิวไม่เหี่ยวย่น ที่ผิวอาจมีจุดดำ ดูไม่เรียบบ้าง แต่ไม่ทำให้เสียรสชาติ (แต่ต้องไม่ใช่ดำช้ำนะ) ส่วนหากเลือกที่ยังเห็นผลออกเขียว จะมีความอมเปรี้ยว

แรด (แบบดิบ 100 g. 51 Kcal)

มะม่วงที่คนนิยมทานดิบมากกว่าสุก เพราะมีรสชาติเปรี้ยวได้ใจ จิ้มกับกะปิ น้ำปลาหวานยิ่งแซ่บ อย่างที่ใครๆ ชอบพูดว่าเปรี้ยวปาก! ส่วนประโยชน์ของพันธุ์นี้ก็มีเช่นกัน เพราะมีวิตามิน โดยเฉพาะผลดิบจะมีวิตามินซีสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สร้างภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการเจ็บคอ ลดอาการท้องผูก

ลักษณะผลและวิธีเลือก: ดูกลม มีนอคล้ายแรดใกล้ขั้ว ปลายงอนแหลม และสียิ่งเขียวยิ่งเปรี้ยวสะใจ หรืออาจจะมีเหลืองแซมได้บ้างเล็กน้อย ก็จะได้รสชาติหวานอมเปรี้ยว แต่พันธุ์นี้เปลือกจะค่อนข้างหนา และไม่นิยมทานแบบเหลืองสุกเต็มที่ เพราะรสชาติจะค่อนไปทางจืดๆ มากกว่าหวานหอมนั่นเอง

แนะนำไม่ว่าจะทานมะม่วงสุกหรือดิบ ให้ทานครึ่งลูกต่อครั้ง ไม่เกิน 3 มื้อ ป้องกันน้ำตาลที่อาจจะสูงเกิน และเพื่อการดูดซึมที่ดีให้ทานหลังอาหารประมาณ 30 นาทีนะจ๊ะ
ที่มา: 
Beauty See First



เข้าชม : 2149


ข่าวประชาสัมพันธ์ 5 อันดับล่าสุด

      วันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 8 / พ.ค. / 2567
      6​ เมษายน​ วันจักรี​ 6 / เม.ย. / 2567
      ขอเชิญ ร่วมลงนามถวายพระพร พร้อมชมนิทรรศการออนไลน์เฉลิมพระเกียรติฯ 30 / มี.ค. / 2567
      ประวัติวันมาฆบูชา 24 / ก.พ. / 2567
      กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่มที่ 41- 43 9 / ก.พ. / 2567




ชื่อ/Email :
ใส่รหัสที่ท่านเห็นลงในช่องนี้
ไอคอน : ย่อหน้า จัดซ้าย จัดกลาง จัดขวา ตัวหนา ตัวเอียง เส้นใต้ ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา
อ้างอิงคำพูด เพิ่มเพลง เพิ่มวีดีโอคลิป เพิ่มรูปภาพ เพิ่มไฟล์ Flash เพิ่มลิงก์ เพิ่มอีเมล์
ความคิดเห็น :


กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพ และอย่าใช้คำพูดที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นให้เสียหาย ขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ


ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของระบบไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม กรุณาแจ้งที่ ที่นี่ เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป