ในเรื่องนี้ ทางด้าน “พญ.เนตรนภา ยังรอต” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ให้ความเห็นว่า ในฤดูหนาวอากาศเย็นลง อุณหภูมิลดลง ความชื้นในอากาศก็จะลดลงตามไปด้วย สภาพอากาศรอบๆ จะแห้งขึ้น ทำให้น้ำในผิวหนังระเหยผ่านผิวหนังออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ “คนที่ผิวแห้ง หรือแพ้ง่าย ถ้าไม่ดูแลผิวหนัง ปล่อยปละละเลย ไม่รักษาความชุ่มชื้นให้ผิว จะรู้สึกถึงความผิดปกติมากกว่าคนที่มีสุขภาพผิวสมบูรณ์”
อาการที่เริ่มเห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน เช่น ริมฝีปากจะแห้งเป็นร่อง มีขุย และเจ็บ ส่วนผิวหนังก็จะแห้งเป็นขุย คัน มีผื่น บางคนเกาเป็นแผลมีสะเก็ด เส้นผมและหนังศีรษะแห้งกระด้าง รู้สึกคัน หวียากขึ้น ใส่เสื้อผ้าแล้วเจ็บ มีไฟฟ้าสถิตดูดเสื้อผ้า สิ่งเหล่านี้…ล้วนเป็นอาการที่บงชี้ว่า… “ผิวกำลังขาดน้ำ”
สำหรับวิธีการดูแล คุณหมอเนตรนภา แนะนำให้หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือปรับให้อุ่นน้อยลง เพราะการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงมากเกินไป น้ำจะชะล้างไขมันในชั้นผิวหนังให้ออกไปมากเกินความจำเป็น ส่งผลเสียให้ผิวแห้งและขาดความยืดหยุ่น “สิ่งสำคัญคือไม่ควร ‘สครับผิว’ เพราะจะเป็นการลอกเอาชั้นเซลล์ที่ปกป้องความชุ่มชื้นของผิวออกไป และยังลดความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งตึง”
“ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ทาวาสลีนเคลือบที่ริมผีปากบ่อยๆ หลีกเลี่ยงแสงแดด ลมแรง เลือกแชมพูสระผมอ่อนๆ และควรใช้คอนดิชันเนอร์ทุกครั้งหลังสระ เพื่อปรับสภาพประจุไฟฟ้า ให้ผมไม่ชี้ฟู หวีง่าย และใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด เพื่อลดการสัมผัสกับความแห้งเป็นการลดการเสียน้ำของผิวหนัง กรณีที่เป็นผื่นแพ้ อาจต้องเลือกใช้ครีมที่ไม่ใส่น้ำหอม และสารกันบูดมาก”
ที่สำคัญคืออย่าลืมว่า… “ไม่ใช่เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น ที่ต้องดูแลผิว ควรทำเป็นประจำทุกฤดู ให้ติดเป็นนิสัย” เพียงหมั่นทาครีมบำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน ก็ถือเป็นการดูแลผิวอย่างง่ายและดี โดยในคนที่ผิวแพ้ง่าย จะมีแนวโน้มผิวแห้งง่ายกว่าคนทั่วไป หรือมีขนคุดร่วมด้วย จึงควรเลือกครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มน้ำหรือความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากนี้ ยังมีวิธีง่ายๆ ที่ทำแล้วจะช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดีอีกหลายวิธี
การมีสุขภาพผิวที่ดีในช่วงหน้าหนาวไม่ใช่เรื่องยาก หากใส่ใจและดูแลอย่างเพียงพอ โอกาสที่จะโชว์ผิวสวยๆ ในช่วงหน้าหนาวโดยที่ “ไม่แห้ง ลอก แตก เป็นขุย” จนสุดแสนจะรำคาญใจ.. อยู่ในมือของคุณเองแล้วล่ะ
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/articles/516206/
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์