.
.
คนส่วนใหญ่เคยได้ยินเรื่องที่
ภาวะเครียดผิดปกติหลังจาก
ประสบเหตุกระทบกระเทือนจิตใจ
(post-traumatic stress disorder)
ทำลายชีวิตคนมาแล้ว
.
แต่มีน้อยคนที่เคยได้ยินเรื่อง
การเติบโตหลังผ่านเหตุการณ์บอบช้ำจิตใจ
(post-traumatic growth) ซึ่งหมายถึง
“การเปลี่ยนแปลงทางบวกที่เกิดขึ้นจาก
การฟันฝ่าวิกฤติการณ์ท้าทายชีวิตขั้นรุนแรง”
.
แท้จริงแล้ว
ความทุกข์สามารถช่วยให้
คนเราเปลี่ยนไปในทางบวก
และการเปลี่ยนแปลงนั้น
อาจเกิดขึ้นได้อย่างลึกซึ้ง
หรือเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป
มากกว่าที่เคยคาดไว้มาก
.
ความคิดที่ว่าเราสามารถ
เติบโตสู่ชีวิตที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
และมีความหมายมากขึ้น
ผ่านความทุกข์ยากนั้น
เป็นความคิดเก่าแก่ที่ปรากฏทั้งใน
วรรณกรรม ศาสนา และปรัชญา
ดังเช่นที่นิตซ์เช่เขียนไว้ว่า
.
“สิ่งที่ฆ่าฉันไม่ตาย
จะทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น”
.
แต่นี่ถือเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่
ในแวดวงจิตวิทยากระแสหลัก
ก่อนหน้านี้ไม่นาน
นักจิตวิทยาจำนวนมากมองว่า
บาดแผลทางใจเป็นตัวการ
สร้างความเครียดที่ส่งผลร้าย
พวกเขาเชื่อว่าคุณสมบัติอย่างหนึ่ง
ของบาดแผลหรือความบอบช้ำทางใจก็คือ
มันทำลายเราทั้งร่างกายและจิตใจ
และบางครั้งถึงขั้นทำให้เจ็บป่วยอ่อนแอ
จนทำงานทำการหรือใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้
.
ทำไมคนบางคนจึงเติบโต
หลังผ่านเหตุการณ์บอบช้ำจิตใจ
ขณะที่บางคนไม่เป็นแบบนั้น
นักวิจัยพบว่า
ธรรมชาติและความรุนแรง
ของเหตุการณ์นั้นๆ
มีความสำคัญน้อยกว่าที่เราคิด
.
“ไม่ใช่ว่าตัวเหตุการณ์
หรือความบอบช้ำใจจริงๆ หรอก
ที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
มันขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้น
ตีความสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร
สิ่งที่พวกเขาเชื่อเกี่ยวกับตัวเอง
และชีวิตและโลกถูกสั่นคลอน
มากน้อยแค่ไหน
ไม่ใช่ตัวเหตุการณ์
และบาดแผลฝังใจหรอก
ที่บีบให้คนเราเติบโตขึ้น”
.
ความแตกต่างระหว่าง
คนสองกลุ่มดังกล่าว
ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า
.
“การคิดใคร่ครวญอย่างตั้งใจ”
(deliberate rumination)
.
หรือการทบทวนความคิด
หรือความรู้สึกของตัวเอง
(introspection)
.
กลุ่มคนเหล่านี้
ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ
ประสบการณ์ที่เจ็บปวดของตน
ใคร่ครวญว่าเหตุการณ์นั้น
เปลี่ยนแปลงพวกเขาอย่างไร
การทำเช่นนั้นช่วยให้พวกเขา
เปลี่ยนแปลงชีวิตและเติบโต
หลังผ่านเหตุการณ์บอบช้ำทางจิตใจมาได้
.
หลังจากศึกษาชีวิตของ
ผู้ผ่านเรื่องร้ายๆ มาอย่างกว้างขวาง
นักวิจัยพบว่าคนเราสามารถเติบโต
หลังผ่านวิกฤติชีวิตได้หลายวิถีทาง
__________