๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
เป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช รัชกาลที่ ๔ แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
เดิมทีพระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะสละราชสมบัติ ทรงเตรียมสร้างพระราชวังอีกแห่งคือ “พระราชวังสราญรมย์” แต่การสละราชสมบัตินั้น พระองค์ทรงให้เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์มีพระชนมายุบรรลุนิติภาวะเสียก่อน
พระองค์ทรงมีสุขภาพดียิ่งตลอดรัชสมัย พระอาการป่วยที่เป็นผลให้เสด็จสวรรคตเกิดจากไข้ป่า ที่ทรงติดเชื้อมาในครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคา ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลักจากเสด็จกลับกรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็ทรงประชวรจับไข้และสวรรคตในเวลาต่อมา
ในเย็นวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พระองค์มีรับสั่งให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก) เข้าเฝ้าฯ เพื่อจดพระราชนิพนธ์ชิ้นสุดท้าย พระราชนิพนธ์นี้ เป็นคำภาษาบาลีสำหรับขอขมาและลาพระสงฆ์ ใจความสำคัญมีอยู่ว่า
“…ยํ ยํ มรณํ สตฺตานํ ตํ อนจฺฉริยํ, ยโต เอตํ สพฺเพสํ มคฺโค, อปฺปมตฺตา โหนฺตุ ภนฺเต อาปุจฺฉามิ, วนฺทามิ, ยํ เม อปรทฺธํ, สพฺพํ เม สงฺโฆ ขมตุ…”
“…ความตายใด ๆ ของสัตว์ทั้งหลาย ความตายนั้นไม่น่าอัศจรรย์ เพราะความตายนั้นเป็นมรรคาของสัตว์ทั้งหลาย ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด ดิฉันขอลา ดิฉันขอไหว้ สิ่งใดที่ดิฉันผิดพลั้ง ขอสงฆ์จงอดโทษสิ่งทั้งปวงนั้นแก่ดิฉันเถิด…”
เนื้อความบางตอนของพระราชนิพนธ์ขอขมาสงฆ์ พระองค์โปรดให้อัญเชิญไปอ่านในที่ชุมนุมสงฆ์วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เมื่อทรง พระประชวรหนัก
ทั้งได้รับสั่งทรงขอขมาพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีว่า วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง นักปราชญ์ทั้งหลายก็ถึงความดับเป็นอันมากในวันเพ็ญ ดังนี้ ควรพระชนมายุจะหมดจะดับในวันนี้เป็นแน่แล้ว ซึ่งขัดเคืองว่ากล่าวแก่ท่านทั้งหลายทั้งปวงมาแต่ก่อนนี้ ขออโหสิกรรมกันเสียเถิด อย่าได้ เป็นเวรกันต่อไป
เมื่อพระอาการอ่อนหนัก ก็รับสั่งให้พยุงพระองค์พลิกพระเศียรทับพระพาหา เหมือนอย่างพระไสยาสน์ แล้วตรัสว่า เขาตายกัน ดังนี้แล้วให้จุด เทียนชัย แล้วทรงเจริญกรรมฐาน ซึ่งกล่าวกันว่า พระองค์ทรงกำหนดอานาปานัสสติ คือ การกำหนดลมหายใจเข้าออก ประกอบด้วยภาวนา บทพุทโธกำกับ จึงทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในสมัยนั้น ได้ยินแต่เสียงว่า พุท-โธ, พุท-โธ, พุท-โธ ฯ แล้วพระสุรเสียงค่อยแผ่วเบาลงๆ ได้ยินแต่ เพียงคำว่า โธ-โธ-โธ ๆ แล้วเสด็จสวรรคตด้วยพระอาการอันสงบ ณ พระที่นั่งภาณุมาศจำรูญ ในพระบรมมหาราชวัง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑ เวลา ๒๑.๐๕ นาฬิกา วันนั้นเป็นวันมหาปวารณา สิริพระชนมพรรษา ๖๔ พรรษา ดำรงสิริราชสมบัติ ๑๗ ปี ๕ เดือน ๒๗ วัน
การที่ผู้คนสมัยนั้นกลัวกันว่า การที่ไปอาราธนาพระภิกษุที่บวชมานานถึง ๒๗ ปี ไม่เคยจับงานราชการบ้านเมือง เคยแต่เทศน์พระธรรม และ ไม่มีเสนาพฤฒามาตย์คอยประคับประคอง จะเป็นการคิดถูกหรือไม่ จะทรงบริหารบ้านเมืองเป็นหรือ แต่แล้วก็ไม่มีเหตุอันน่าผิดหวังแต่ประการ ใดตลอด ๑๗ ปีแห่งรัชสมัยของพระองค์ กลับทรงเป็นผู้นำที่มีพระสติปัญญาปราดเปรื่อง ทรงครองใจเจ้านาย เสนามนตรี และอาณาประชาราษฎร์ ได้เป็นอย่างดีตลอดรัชกาล
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมปวงข้าพระพุทธเจ้าอย่างหาที่สุดมิได้
(๑) ก.เมฆสวัสดิ์. เมื่อถึงกาลผลัดแผ่นดินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : ลูกบาศก์ห้าสิบสี่, ๒๕๖๐. หน้า ๑๑๐.
(๒) ๑ ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ศิลปวัฒนธรรม. ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓.
ขอขอบคุณที่มา : โบราณนานมา
เข้าชม : 594
|