อะโวคาโด ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินกันว่า อะโวคาโดมีปริมาณไขมันสูง จึงทำให้เกิดความขัดแย้งว่า อะโวคาโดจะสามารถลดน้ำหนักได้จริงหรือ?
ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า โดยปกติแล้วไขมันจะมีสองชนิดหลักๆ คือ ไขมันชนิดเลวที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพและไขมันชนิดดี ที่เป็นตัวช่วยบำรุงและเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
โดยไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดก็ถูกจัดอยู่ในไขมันชนิดดีเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการทานอะโวคาโดเป็นประจำ จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักให้คุณมีหุ่นเพรียวสวยได้นั่นเอง
ประโยชน์ของอะโวคาโดกับการลดน้ำหนัก
- ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานขึ้น โดยอะโวคาโด 1 ผล สามารถทานแทนอาหารมื้อหลักมื้อหนึ่งได้เลยทีเดียว จึงช่วยลดการทานจุกจิกในระหว่างมื้อได้เป็นอย่างดี
- ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมทานแทนอาหารมื้อเย็น เพราะจะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
- ด้วยคุณประโยชน์ของอะโวคาโด จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญพลังงานให้ทำงานดีขึ้น และสามารถสลายไขมันได้มากกว่าปกติ
ประโยชน์ของอะโวคาโดที่มีต่อสุขภาพ
อะโวคาโด นอกจากมีคุณสมบัติในการลดน้ำหนัก ก็มีประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งก็ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยประโยชน์ของอะโวคาโดมีดังนี้
บำรุงสายตา
อะโวคาโดมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา และป้องกันปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับดวงตา เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน ต้อกระจก
และอาการอื่นๆ จึงเหมาะกับผู้ที่มักจะต้องใช้สายตาบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือหน้าจอคอมเป็นเวลานาน
ป้องกันไข้หวัด
เนื่องจากผลอะโวคาโดมีวิตามินซีสูงมาก จึงสามารถป้องกันและบรรเทาอาการไข้หวัดได้อย่างดีเยี่ยม
เพียงทานอะโวคาโดบ่อยๆ เท่านั้น โดยอาจทานในรูปของผลไม้สดหรือน้ำผลไม้อะโวคาโดก็ได้
เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่อยากมีภูมิต้านทานแข็งแรง ไม่ป่วยด้วยโรคหวัดได้ง่าย ลองทานอะโวคาโดเป็นประจำดูสิ
ลดความเสี่ยงมะเร็ง
ไม่อยากเป็นมะเร็ง อะโวคาโดช่วยคุณได้ เพราะในผลอะโวคาโดมีสารชนิดหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดี
จึงสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม รู้แบบนี้แล้วใครอยากมีสุขภาพดีห่างไกลมะเร็ง ห้ามพลาดเด็ดขาด
ป้องกันโรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคอันตรายที่ใครก็ไม่อยากเป็น และการทานอะโวคาโดเป็นประจำก็สามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้เหมือนกัน
เพราะอะโวคาโดมี HDL ที่จะช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดและสลายไขมันที่จับตัวเป็นก้อนให้หมดไป
จึงไม่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและลดความเสี่ยงโรคหัวใจวายได้ดีอีกด้วย แพทย์จึงมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจทานอะโวคาโดเป็นหลัก
ลดอาการเหน็บชา
ในผู้ที่มักจะมีอาการเหน็บชาเป็นประจำ การทานอะโวคาโดจะช่วยลดความถี่ของอาการเหน็บชาได้ดี
แต่อย่างไรก็ตาม อะโวคาโดเพียงช่วยให้อาการบรรเทาลงเท่านั้น หากผู้ป่วยมีอาการแบบนี้บ่อยๆ
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาจะดีที่สุด เพราะอาการเหน็บชาอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุนั่นเอง
เสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
อะโวคาโดมีวิตามินและสารอาหารเป็นจำนวนมาก ที่สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ จึงควรทานอะโวคาโดเป็นประจำวันละ 1 ผล เท่านี้ก็จะทำให้ทารกน้อยมีการเจริญเติบโตที่สมวัยและมีความฉลาด ไหวพริบดีจนน่าทึ่ง
ใช้ปรุงอาหารแทนเนย
เนื่องจากเนื้ออะโวคาโดมีลักษณะคล้ายกับเนยและมีรสชาติไม่หวานจึงสามารถนำมาปรุงอาหารแทนเนยได้
ซึ่งก็ให้รสชาติที่อร่อยไม่น้อย แถมยังมีคุณประโยชน์ที่สูงกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว
สกัดเป็นเครื่องสำอาง
น้ำมันของอะโวคาโดมีคุณสมบัติหลายอย่าง โดยเฉพาะการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จึงนิยมนำมาสกัดน้ำมันเพื่อทำเป็นเครื่องสำอาง
และส่วนผสมในครีมบำรุงผิว ซึ่งก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับครีมและเครื่องสำอางประเภทนั้นๆ ได้ดี
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเครื่องสำอางบางชนิดจึงมีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโด
สูตรผิวสวยด้วยการพอกหน้าจากอะโวคาโด
นอกจากประโยชน์ดีๆ ในเรื่องของสุขภาพแล้ว เรื่องของความงามอะโวคาโดก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน
ด้วยคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิว เพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวมันหรือการฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งกร้าน
ให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีอีกครั้ง โดยมีสูตรลับความงามจากอะโวคาโด ดังนี้
1.สูตรฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน
สาวๆ ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน แตกเป็นขุยแถมขาดความชุ่มชื้นอย่างหนัก สูตรนี้จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน
ด้วยคุณสมบัติจากกรดไขมันชนิดดีและยังอุดมด้วยวิตามินอีจากธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนในการบำรุงผิวให้มีความเนียนนุ่มและมีชีวิตชีวามากขึ้น
อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าดูสดใสเปล่งปลั่งจนใครเห็นก็ต้องทักเลยทีเดียว โดยมีวิธีการทำดังนี้
ส่วนผสม : ไข่แดง 1 ฟอง, อะโวคาโดบด ½ ลูก
วิธีทำ : นำไข่แดงมาตีจนเข้ากัน แล้วค่อยๆ ใส่เนื้ออะโวคาโดลงไป ตีต่ออีกสักแปปจนเนื้ออะโวคาโดกลมกลืนกันดีกับไข่แดง
หรือใครจะใช้เครื่องปั่นเพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นก็ได้ โดยเมื่อได้ส่วนผสมที่ต้องการแล้ว
ก็ให้ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำส่วนผสมมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
จากนั้นเช็ดให้แห้งแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง เท่านี้ก็ได้ผลลัพธ์โดนใจ
2.สูตรแก้ปัญหาผิวหน้ามัน
หากมีปัญหาผิวหน้ามัน จนทำให้หน้ามันเยิ้มบ่อยๆ แม้จะโบ๊ะเครื่องสำอางมาเต็มที่ก็มักจะพ่ายแพ้ต่อความมันเสมอ
อะโวคาโดก็สามารถแก้ปัญหาให้กับคุณได้อย่างง่ายดายเหมือนกัน โดยมีวิธีการดังนี้
ส่วนผสม : เนื้ออะโวคาโด ½ ลูก, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, ไข่ขาว 1 ฟอง
วิธีทำ : ให้นำส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้มาปั่นรวมกันจนได้เนื้อครีมเหลวๆ จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด
แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำบ่อยๆ
ปัญหาหน้ามันก็จะไม่มากวนใจแน่นอน เพราะน้ำมะนาวและไข่ขาวจะทำหน้าที่ดูดซับความมันส่วนเกิน
และสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าสะอาดใส เกลี้ยงเกลายิ่งขึ้น
3.สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น
สำหรับสูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวมีความเนียนนุ่ม น่าสัมผัสและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
คืนความอ่อนเยาว์ให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็มีวิธีการทำดังนี้
ส่วนผสม : เปลือกอะโวคาโด ½ ลูก
วิธีทำ : นำเปลือกอะโวคาโดมาถูและนวดลงบนใบหน้าให้เป็นแนวขึ้น จากนั้นทิ้งไว้สักพักประมาณ 15 นาที
เพื่อให้น้ำมันจากเปลือกอะโวคาโดได้ซึมซับเข้าสู่ผิวอย่างเต็มที่ เสร็จแล้วล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น
แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้ทำเป็นประจำก่อนนอน โดยทาทิ้งไว้ตลอดคืนไม่ต้องล้างออกจะดีที่สุด
สูตรน้ำอะโวคาโดเพื่อสุขภาพ
น้ำอะโวคาโด เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ สำหรับใครที่เบื่อการทานผลอะโวคาโดแบบสดๆ
ก็สามารถเปลี่ยนมาทานอะโวคาโดในรูปแบบของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ โดยเราก็มีสูตรการทำน้ำอะโวคาโดมาแนะนำกันดังนี้
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม
- ผลอะโวคาโดหั่นเป็นชิ้นล็ก 1 ถ้วย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- เกลือป่น ¼ ช้อนชา
- น้ำเปล่า
- น้ำแข็ง
- มะเขือเทศล้างสะอาด 1 ผล
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ให้นำอะโวคาโดที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ มาบดในเครื่องแยกกากเพื่อกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นนำมะเขือเทศใส่ในเครื่องแยกกากเพื่อกรองเอาแต่น้ำเช่นกัน
2.นำส่วนผสมทั้งหมดมาใส่รวมกันในแก้ว ยกเว้นน้ำแข็ง แล้วคนจนเกลือป่นละลาย เมื่อพร้อมแล้วให้ใส่น้ำแข็งตามลงไปพร้อมดื่มได้ทันที
ระวังกินอะโวคาโดแบบผิดๆ ก็มีโทษต่อร่างกาย !!
ถึงแม้ว่าอะโวคาโดจะมากไปด้วยประโยชน์ แต่ก็มีโทษต่อสุขภาพร่างกายเกิดขึ้นได้เช่นกัน หากทานไม่ถูกวิธี
นั่นคือ การทานอะโวคาโดแบบดิบหรือยังไม่สุกเต็มที่นั่นเอง เพราะอะโวคาโดที่ยังคงดิบอยู่
จะมีสารแทนนินสูงมากและมีรสชาติขมที่จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงได้
รวมถึงในบางคนอาจมีอาการปวดท้อง อาเจียนและมีผื่นคันร่วมด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกทานอะโวคาโดที่สุกเต็มที่แล้วเท่านั้น
ที่มา:mahosot.com
เข้าชม : 770
|