สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 บ้านป่านอด ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งห่างจากตัวเมืองมาทางทิศใต้ราว 70 กิโลเมตร โดยสมาชิกของสหกรณ์มาจากหมู่ 1 (บ้านทาม่อน) หมู่ 2 (บ้านท่าข้าม) หมู่ 3 (บ้านค้อกลาง) หมู่ 4 (บ้านห้วยทราย) หมู่ 5 (บ้านป่านอต) หมู่ 6 (บ้านดอนชัย) และหมู่ 7 (บ้านใหม่ดอนชัย)
สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด เกิดจากที่กลุ่มองค์กรชาวบ้านที่รวมตัวกันเพื่อแก้ไขปัญหาของตนเอง ครอบครัวและทำงานพัฒนาในชุมชน โดยใช้ชื่อเครือข่ายคณะกรรมการกลางแม่ทา ได้ยกระดับขึ้นมาเป็นนิติบุคคลเพื่อให้การดำเนินงานที่สะดวกและสอดคล้องกับสถาณการณ์ปัจจุบันเป็นสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 มิถุนายน ปี 2543 และได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2544 กับสมาชิกทั้งหมด 135 ราย (มูลนิธิสายใยแผ่นดินและสหกรณ์กรีนเนท ได้ริเริ่มโครงการเกษตรอินทรีย์โดยเน้นการผลิตข้าวโพดฝักอ่อนอินทรีย์ และชุดต้มยำสมุนไพรอบแห้งกับกลุ่มผู้ผลิตตั้งแต่ปี 2541 ก่อนที่จะมีการจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ฯ)
ระบบการเกษตรที่แม่ทา โดยทั่วไปประกอบด้วยการปลูกข้าวเหนียวในช่วงฤดูฝนในพื้นที่ลุ่มสำหรับบริโภคในครัวเรือน และปลูกพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟาร์มไม้ผลยืนต้นผสมผสาน ที่ไม่ต้องการการดูแลมาก เช่น กล้วย ลำไย มะม่วง มะขาม ขนุน
เกษตรกรส่วนใหญ่มีรายได้จากการทำปลูกข้าวโพดฝักอ่อน ซึ่งเป็นพืชพาณิชย์ที่สำคัญที่สุดในชุมชน ข้าวโพดฝักอ่อนใช้ระยะเวลาในการปลูกสั้นมาก เพียง 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งทำให้การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนมีปัญหาโรคและแมลงน้อยมาก และมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชน้อย แต่การปลูกข้าวโพดฝักอ่อนต้องใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง ในรอบปีหนึ่งๆ เกษตรกรสามารถปลูกข้าวโพดฝักอ่อนได้ 4-5 ครั้ง โดยการปลูกรอบแรกในช่วงต้นฤดูฝน ราวปลายเดือนเมษายนหรืออย่างช้าก็ต้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นการปลูกบนพื้นที่ดอน ซึ่งสามารถปลูกได้เพียง 2-3 รุ่น (สามารถปลูกได้จนถึงเดือนตุลาคม เมื่อฝนหยุดตก) จากนั้นการปลูกข้าวโพดฝักอ่อนก็จะโยกย้ายลงมาปลูกในพื้นที่ลุ่ม หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ พื้นที่ลุ่มสามารถปลูกข้าวโพดฝักอ่อนได้อีก 1-2 รุ่น นับจากเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
แหล่งรายได้อื่นๆ คือ การเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะวัว ซึ่งเกษตรกรจะซื้อวัวตัวผู้มาเลี้ยงขุนให้อ้วนประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นก็ขายวัวขุนในราคาที่สูงขึ้น เกษตรกรบางรายซื้อวัวตัวผู้ที่อายุน้อยมาเลี้ยงขุนในเวลาที่นานขึ้น ซึ่งเกษตรกรอาจใช้สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ในการขนส่ง ลำเลียงผลผลิตจากฟาร์มมาที่บ้านได้ด้วย ในช่วงตั้งแต่ปี 2549 มีการเลี้ยงวัวนมในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นด้วย
มูลนิธิสายใยแผ่นดินและสหกรณ์กรีนเนทได้เริ่มทำงานกับสหกรณ์ตั้งแต่ปี 2536 โดยการช่วยจัดหาตลาดให้กับเกษตรกรที่รวมตัวกันปลูกผักเกษตรอินทรีย์ ต่อมาในปี 2541 มูลนิธิสายใยแผ่นดินและสหกรณ์กรีนเนทได้เริ่มจัดทำโครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ โดยเน้นที่การปลูกข้าวโพดฝักอ่อน ลำไย และผัก ณ สิ้นปี 2553 มีเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์แม่ทาฯ ที่เข้าร่วมในโครงการเกษตรอินทรีย์กับมูลนิธิสายใยแผ่นดินและสหกรณ์กรีนเนทจำนวน 103 ราย รวมพื้นที่การผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 617.37 ไร่
ที่มา : www.greennet.or.th/portfolio/410
เข้าชม : 540
|